ถ้าคุณผู้หญิงคนไหนเคยดูภาพยนตร์รักจากต่างประเทศที่นางเอกได้สวมชุดแต่งงานเรียบๆ สไตล์วินเทจแล้วอยากใส่บ้างในงานของตัวเอง คุณเองก็คงใฝ่ฝันว่าอยากแต่งกับเจ้าบ่าวสุดหล่อในชุดที่ตัวเองถูกใจและเข้ากันกับสรีระของคุณมากที่สุดใช่ไหมครับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลยที่ชุดเจ้าสาวสไตล์วินเทจได้กลายเป็นหนึ่งในชุดแต่งงานในฝันที่สาวๆ หลายคนปรารถนา
วนัช กูตูร์ เข้าใจดีถึงสิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวหลายคนต้องการอย่างแท้จริง เราจึงอยากจะพาคุณๆ ไปทำความเข้าใจทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับชุดแต่งงานวินเทจอันเรียบหรู ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่คุณควรรู้ก่อนการตัดสินใจสั่งตัดหรือใส่ชุดแต่งงานเรียบๆ สไตล์วินเทจในวันสำคัญของคุณครับ
ชุดแต่งงานวินเทจคืออะไร?
จริงๆ แล้วชุดแต่งงานสไตล์วินเทจนับเป็นหนึ่งในชุดแต่งงานแบบหนึ่งว่าที่เจ้าสาวหลายคนชื่นชอบและฝันอยากจะใส่มากๆ ครับ นั่นก็เพราะว่าชุดแต่งงานวินเทจช่วยเสริมให้เจ้าสาวผู้สวมใส่ดูสวยสง่างามผสมผสานความคลาสสิกได้อย่างลงตัว และแฝงไว้เอกลักษณ์ที่ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันจดจำครับ
โดยชุดแต่งงานวินเทจมีทั้งดีไซน์อันหลากหลายและมากไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะแต่ละชุดครับ แต่รวมๆ แล้วชุดเจ้าสาววินเทจจะถูกออกแบบให้ดูคลาสสิกเหนือกาลเวลา สามารถใส่ได้ทุกยุคทุกสมัยแบบไม่ได้ดูเยอะหรือน้อยจนเกินไปครับ นั่นก็เพราะว่าชุดแต่งงานสไตล์นี้มักตกแต่งด้วยการตัดเย็บลายฉลุเล็ก รวมถึงมีลายลูกไม้ที่ผสานกับลายเย็บปักสุดประณีต ช่วยให้ชุดแต่งงานวินเทจดูมีกิมมิกที่ตอบโจทย์ความคลาสสิกได้อย่างลงตัวครับ
นอกจากนี้ ชุดแต่งงานวินเทจจะเน้นความเรียบง่ายและดูดีจากการดีไซน์ชุดมากกว่าการอวดโชว์เนื้อหนังหรือเน้นความเซ็กซี่ครับ ซึ่งว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่อยากสวมชุดแต่งงานวินเทจที่ทั้งสวยและออกแบบได้แมตช์กับความชอบของคุณ วนัช กูตูร์ก็ยินดีที่จะให้คำปรึกษาเสมอครับ
ชุดแต่งงานวินเทจเป็นแบบไหน มีที่มาอย่างไร?
หลายคนพอจะนึกในใจออกว่าชุดแต่งงานวินเทจคงมีที่มาย้อนไปนานมากใช่ไหมครับ โดยเราจะเฉลยว่าชุดแต่งงานวินเทจ คือ ชุดแต่งงานสไตล์หนึ่งที่กุลสตรีชาวตะวันตกในช่วงยุคปี ค.ศ. 1920-1970 นิยมเลือกเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์สำหรับวันสำคัญที่สุดในชีวิตของตัวเอง ที่ล้วนมีดีไซน์ที่แตกต่างกันไปตามยุคสมัยที่เป็นต้นกำเนิดของชุด ดังนี้
- ชุดแต่งงานวินเทจยุคเรเนซองส์
เป็นชุดเจ้าสาวที่เน้นการตัดเย็บแบบต่อใต้อก มีแขนระบาย และมีเนื้อผ้าพลิ้วๆ
- ชุดแต่งงานวินเทจยุควิกตอเรียน
เป็นชุดเจ้าสาวที่เน้นการตัดเย็บให้ออกมาดูหรูหรา ด้วยการใช้ผ้าลูกไม้ชุดแต่งงานทั้งชุด
- ชุดแต่งงานวินเทจยุค jazz age
เป็นชุดเจ้าสาวที่มีลักษณะเหมือนกับชุดราตรีที่ประดับตกแต่งด้วยลูกปัดทั้งชุด และมีการเสริมให้สวยงามยิ่งขึ้นด้วยชายกระโปรงที่มีความพลิ้วไหว
แต่สำหรับชุดแต่งงานสไตล์วินเทจในยุคปัจจุบันนั้น เจ้าสาวสามารถเลือกดีไซน์ชุดได้หลากหลายแบบตามความต้องการครับ ไม่ว่าจะเลือกชุดแต่งงานแบบวินเทจสไตล์ดั้งเดิม หรือจะให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตัดเย็บชุดใหม่ให้มีความวินเทจและร่วมสมัยอย่างลงตัวก็ได้เช่นกันครับ
12 สไตล์ของชุดแต่งงานวินเทจที่เจ้าสาวเช่นคุณไม่ควรพลาด
หากคุณรู้ตัวว่าชอบชุดแต่งงานสไตล์วินเทจแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกชุดแต่งงานแบบไหนดี ต่อจากนี้เราจะ
พาเหล่าว่าที่เจ้าสาวสายคลาสสิกไปดู 12 สไตล์ของชุดแต่งงานวินเทจกันครับ
1. ชุดแต่งงานวินเทจจากยุค 1910
เริ่มกันที่ชุดแต่งงานวินเทจที่มีที่มาจากชุดราตรีในช่วงปี 1910 อันมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยดีไซน์แขนระบายผ้าพลิ้ว และมีการตกแต่งด้วยลูกไม้ที่ปักบริเวณช่วงอกครับ
2. ชุดแต่งงานวินเทจจากยุค 1940
นี่คือชุดแต่งงานวินเทจที่เน้นความเรียบง่ายไม่หวือหวาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชุดแต่งงานในช่วงปี 1940 กันครับ โดยชุดนี้มีความโดดเด่นที่เห็นได้ชัดจากการเติมแขนตุ๊กตาให้ดูพองๆ พร้อมกับกุ๊นลูกไม้เล็กๆ ที่บริเวณคอเสื้อ เรียกว่าเรียบง่ายแต่ดูดีเลยทีเดียวครับ
3. ชุดแต่งงานวินเทจจากยุค 1950
มาดูชุดแต่งงานวินเทจที่ให้อารมณ์สวยหรูแต่แฝงไว้ด้วยความลึกลับน่าค้นหาอย่างชุดจากช่วงปี 1950 กันบ้างครับ จะเห็นได้ว่าเป็นชุดวินเทจแขนยาว บริเวณช่วงไหล่ดูพองออกมาชัดเจน พร้อมตกแต่งด้วยลูกไม้บริเวณลำตัวกับด้านหน้าของกระโปรงครับ
4. ชุดแต่งงานวินเทจจากยุค 1960
ว่าที่เจ้าสาวคนไหนชื่นชอบชุดแต่งงานวินเทจที่ออกแบบและตัดเย็บเน้นความเรียบหรู ชุดแต่งงานวินเทจที่ได้แรงบันดาลใจจากชุดเข้าโบสถ์ในช่วงปี 1940 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ เพราะชุดนี้มีการเสริมลูกไม้ที่บริเวณแขนเสื้อ ช่วงลำตัว และชายกระโปรงจนทำให้ดูหรูหราแถมอ่อนหวานได้อย่างลงตัวครับ
5. ชุดแต่งงานวินเทจจากยุค 1970
ถึงคราวของชุดแต่งงานวินเทจจากช่วงปี 1970 กันบ้างครับ โดยชุดเจ้าสาวชุดนี้โดดเด่นอย่างมากด้วยการใช้ผ้าซีทรูบริเวณช่วงแขน แถมมีการประดับตกแต่งลูกไม้ไล่มาตั้งแต่ช่วงคอมาจนถึงช่วงอก และปิดท้ายด้วยการแต่งเติมลูกไม้ที่ชายกระโปรงผ้าพลิ้วครับ
6. ชุดแต่งงานวินเทจจากยุครีเจนซี่
ใครเคยดูซีรีส์เรื่อง Bridgerton อันเป็นเรื่องราวที่เกิดในยุครีเจนซี่ช่วงปี 1810-1820 คงใฝ่ฝันอยากใส่ชุดแต่งงานวินเทจสไตล์นี้ใช่ไหมครับ ซึ่งชุดนี้ถูกดีไซน์ช่วงคอให้กว้าง มีแขนสั้น พร้อมประดับตกแต่งลูกไม้ที่บริเวณแขนไปจนถึงช่วงอก และปล่อยผ้าให้พลิ้วไหวตั้งแต่ช่วงใต้อกลงมา ทำให้ชุดนี้ดูหรูหรามากๆ ครับ
7. ชุดแต่งงานวินเทจจากยุคเรเนซองส์แบบที่ 1
ใครที่ชื่นชอบความคลาสสิกที่สามารถสะกดทุกสายตาให้จ้องมอง ชุดแต่งงานวินเทจจากยุคเรเนซองส์เป็นอะไรที่หรูหราและอวดความงดงามจากช่วงเวลานั้นได้ดีมากๆ ครับ โดยเห็นได้จากแขนเสื้อแบบพองเป็นปล้องๆ ผสานกับกระโปรงยาวแบบหางปลาที่มีการประดับตกแต่งด้วยลูกไม้ตลอดทั้งชุดครับ
8. ชุดแต่งงานวินเทจจากยุคเรเนซองส์แบบที่ 2
ตัวเลือกลำดับที่ 2 เจ้าสาวผู้ชื่นชอบในชุดแต่งงานวินเทจจากยุคเรเนซองส์ นี่เป็นชุดคอปิดที่มาพร้อมกับแขนเสื้อพองแต่งเป็นชั้นๆ สื่อถึงความเรียบร้อยและดูสง่างาม พร้อมด้วยกระโปรงบานที่มีความพลิ้วไหวสวยงามอย่างมากครับ
9. ชุดแต่งงานวินเทจจากยุคเอ็ดเวอร์เดียน
ใครรู้ตัวว่าชื่นชอบความน่ารัก ชุดแต่งงานวินเทจจากยุคเอ็ดเวอร์เดียนคือหนึ่งในชุดที่เหมาะสมกับเจ้าสาวเช่นคุณมากครับ เนื่องจากชุดนี้มีช่วงคอ หน้าอก และปลายแขนเสื้อที่ตกแต่งด้วยลูกไม้พองฟู ยิ่งไปกว่านั้นยังเพิ่มเติมความหรูหราด้วยผ้าตัดชุดแต่งงานพิมพ์ลายดอกไม้ละเอียดทั่วทั้งตัวให้ดูหรูหราแต่ไม่มากจนเกินไปครับ
10. ชุดแต่งงานวินเทจสไตล์การ์ตูนจากยุค 1970
สำหรับสาวๆ ที่เป็นแฟนตัวยงของการ์ตูนในยุค 1970 ชุดแต่งงานวินเทจสไตล์นี้คงเป็นหนึ่งในชุดที่คุณใฝ่ฝันถึงแน่ๆ ครับ โดยชุดที่ได้แรงบันดาลใจจากการ์ตูนนี้โดดเด่นด้วยการจับจีบระบายช่วงไหล่กับชายกระโปรง ทั้งยังปักริบบิ้นที่ดูน่ารักมากๆ และมาพร้อมกับกระโปรงเล็กๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิง
11. ชุดแต่งงานวินเทจสไตล์เจ้าหญิงจากยุครีเจนซี่
เจ้าสาวคนไหนที่อยากจะเรียบหรูแลดูเป็นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ ชุดแต่งงานวินเทจจากยุครีเจนซี่ชุดนี้คงทำให้คุณได้สมหวังครับ เห็นได้ชัดจากดีไซน์ของแขนเสื้อตุ๊กตาพองๆ ที่เข้าคู่กันดีกับกระโปรงทรงสุ่ม Ball Gown ที่มีผ้าพลิ้วๆ มอบความสวยงามจนต้องมองตามครับ
12. ชุดแต่งงานวินเทจสไตล์เจ้าหญิงซินเดอเรลลา
ปิดท้ายกันด้วยหนึ่งในชุดแต่งงานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนางเอกในการ์ตูนเรื่องดัง อย่างชุดแต่งงานวินเทจสไตล์เจ้าหญิงซินเดอเรลลาที่มีลักษณะเป็นชุดเสื้อแขนยาวแบบเรียบๆ จับคู่กับกระโปรงสุ่มพอง และแมตช์ด้วยผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีขาวที่สวมพร้อมกับมงกุฎได้อย่างสวยงามลงตัวครับ