ค่าใช้จ่ายงานแต่งงานที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรู้ วางแผนยังไงให้เหมาะสม


wedding cost

จะแต่งงานต้องใช้จ่ายเท่าไหร่? ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ใครที่กำลังวางแผนคิดแต่งงานกันอยู่ หลายคนคงสงสัยเรื่องของค่าใช้จ่ายงานแต่งงานกันอยู่ไม่น้อยเลย เพราะการวางแผนค่าใช้จ่ายก็ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้ขั้นตอนไหน ๆ ในชีวิตคู่กันเลยทีเดียว ซึ่งหากว่าที่บ่าวสาวของเราได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ รู้ค่าใช้จ่ายงานแต่งงานทั้งหมดของตัวเองกันไว้ก่อนแต่เนิ่น ๆ ก็จะทำให้รู้ทิศทาง และสามารถวางแผนจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างง่ายและราบรื่นยิ่งขึ้น แต่หากบ่าวสาวคนไหนที่ยังโนไอเดีย ไม่รู้ว่า รายการค่าใช้จ่ายงานแต่งมีอะไรบ้าง? วันนี้ Vanus Couture หาคำตอบมาให้คู่รักที่กำลังจะแต่งงานมาไว้ให้ได้ศึกษากันแล้ว

ทำไมต้องวางแผนค่าใช้จ่ายงานแต่งงาน?

ในการวางแผนจัดเตรียมงานแต่งงาน นอกจากความรักที่บ่าวสาวมีให้กันแล้ว สิ่งต่าง ๆ ที่ต้องจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย รวมทั้งเรื่องเงินก็นับเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะถือเป็นตัวกำหนดรูปแบบ ทิศทาง และขนาดของงานแต่งงานของเราเลยก็ว่าได้ ซึ่งเราควรรู้ว่า ตัวเองมีงบประมาณเท่าไหร่? เพื่อที่จะวางแผนได้อย่างรอบคอบว่า ควรจะจัดงานขนาดไหนให้เหมาะสมพอดี? หากบ่าวสาวได้รู้แนวทางในการจัดเตรียมงาน รู้งบประมาณที่ต้องการใช้คร่าว ๆ แล้ว ก็จะได้จัดงานที่ออกมาสวย ตรงใจ และอยู่ในงบประมาณที่ทั้งคู่พอใจ นอกจากนี้การวางแผนค่าใช้จ่ายในการแต่งงานยังช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวสามารถใช้จ่ายต่าง ๆ ได้อย่างรัดกุม และช่วยคุมงบไม่ให้บานปลายนั่นเอง

wedding cost plan


ขนาดงานแต่งที่นิยม 3 แบบ 

เรามาลองแบ่งขนาดงานแต่งงานที่บ่าวสาวมักนิยมจัดกันอยู่ออกเป็น 3 ขนาด โดยแบ่งออกเป็นตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ซึ่งแต่ละขนาดก็มักจะอิงจากจำนวนของแขกที่เชิญเข้าร่วม และขึ้นอยู่กับงบประมาณของบ่าวสาวแต่ละคู่ ดังนี้

  • งานแต่งงานไซส์มินิ – งานแต่งงานขนาดเล็ก ๆ มีแขกเข้าร่วมงานเพียงแค่ 10-50 คน โดยส่วนใหญ่บ่าวสาวจะเชิญแขกเฉพาะเพื่อนสนิทและครอบครัวเท่านั้น 
  • งานแต่งงานขนาดกลาง – งานแต่งงานขนาดกลาง ได้รับความนิยมที่สุด โดยมีแขกเข้าร่วมงานอยู่ที่ประมาณ 50-150 คน เหมาะสำหรับคู่แต่งงานที่มีงบค่าใช้จ่ายงานแต่งงาน สามารถเชิญได้ทั้งแขกที่เป็นเพื่อน และแขกของญาติผู้ใหญ่ 
  • งานแต่งงานขนาดใหญ่ – งานแต่งงานขนาดใหญ่ มีแขกร่วมงานหลายท่าน ระดับ 200 คนขึ้นไป หรือมีการเชิญคนใหญ่โตเข้ามาร่วมงาน เหมาะสำหรับคู่บ่าวสาวที่มีฐานะหรือทางบ้านสนับสนุน 
Popular wedding sizes


ลิสต์ค่าใช้จ่ายงานแต่งที่ควรรู้

หากเรารู้รายการค่าใช้จ่ายงานแต่งงานได้อย่างครอบคลุม ก็จะยิ่งช่วยให้บ่าวสาวสามารถที่จะวางแผนในการจัดเตรียมได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น โดยค่าใช้จ่ายงานแต่งงานหลัก ๆ มักมีดังนี้

  • ก่อนงานแต่ง ได้แก่ ค่าดูฤกษ์ยาม ค่าสถานที่แต่งงาน ค่าซุ้มแต่งงานและของตกแต่งสถานที่ ค่าจัดงานพิธี ค่าช่างภาพถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง คอร์สดูแลร่างกาย 
  • ระหว่างงาน ได้แก่ ค่าช่างแต่งหน้าและทำผม ค่าช่างภาพวันงาน ค่าการ์ดแต่งงานและของชำร่วย ค่าชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว ค่าแพคเกจเช่าชุดแต่งงาน ค่าตัวพิธีกรกล่าวเปิดงานและวงดนตรี ค่าของจิปาถะ ค่าเค้กแต่งงาน ค่าอาหารและเครื่องดื่มภายในงาน 
  • หลังจบงาน ได้แก่ ค่าเดินทางทริปฮันนีมูน

ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่คู่บ่าวสาวอาจคาดไม่ถึง

ยังมีค่าใช้จ่ายที่คู่บ่าวสาวอาจคาดไม่ถึงเพิ่มเติมเข้ามาได้อีก เช่น  ค่าไปรษณีย์ในการจัดการ์ดเชิญ  ค่าเครื่องแต่งกายอื่น ๆ อย่างชุดชั้นใน รองเท้า เครื่องประดับต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มเติมออกมานอกเหนือจากชุดเจ้าสาว ค่าล่วงเวลาต่าง ๆ หากงานแต่งงานเกิดเกินกว่าเวลาที่คาดไว้ ค่าอุปกรณ์เครื่องเขียน ค่าตอบแทนน้ำใจเพิ่มเติมให้กับทีมงานผู้ที่มาให้บริการในงานแต่งงาน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ควรเผื่อเหลือเงินสำรองเอาไว้

ค่าใช้จ่ายงานแต่งงานแต่ละส่วนตั้งงบอย่างไรดี?

การเลือกรูปแบบงานแต่งและกำหนดงบประมาณในงานแต่ง ตามกำลังทรัพย์ที่เรามี ถือเป็นสิ่งที่บ่าวสาวควรทำเป็นอันดับต้น ๆ ก็ว่าได้ โดยวิธีการคำนวณงบประมาณในการจัดเตรียมงานแต่งก็สามารถทำได้หลายวิธี แต่ก็ควรวางแผนควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม คำนวณคิดงบไม่ให้ปานปลาย รับรองว่าทุกฝ่ายแฮปปี้แน่นอน!

  • จากจำนวนแขก จะเริ่มตั้งงบอย่างไรกันดี? ถ้าคิดไม่ออกให้เริ่มที่จำนวนแขกเสียก่อนเลย โดยบ่าวสาวอาจเริ่มคำนวณงบประมาณในการจัดเตรียมงาน โดยเริ่มจากว่าจำนวนของแขกที่จะเชิญมานั้นมีกี่คน และคิดว่าแขกแต่ละคนน่าจะให้ซองช่วยเหลือขั้นต่ำสุดประมาณเท่าไหร่ เช่น หากเชิญแขกมา 150 คน สถานที่จัดคิดหัวละ 2,000 บาท ฉะนั้นเราควรมีงบอย่างน้อย 150 x 1,000 = 300,000 บาท
  • จากรายได้ต่อเดือนของคู่แต่งงาน หลังจากนั้นค่อยมาคิดคำนวณงบประมาณจากรายได้หรือตามกำลังทรัพย์ที่ตัวเองมี ตามกำลังที่ตัวเองสามารถจ่ายได้ ซึ่งถือเป็นวิธีดีมากที่เหมาะในการกำหนดทิศทาง และขนาดงานตามกำลังของตัวเองอย่างเหมาะสม รวมถึงยังเป็นวิธีที่ทั้งบ่าวสาวพึงพอใจทั้งคู่ โดยอาจลองคิดจากรายได้ต่อเดือนของบ่าวสาวในช่วงระยะตั้งแต่ 3-4 เดือน เพื่อเป็นงบประมาณในการจัดงาน เช่น หากบ่าวสาวมีเงินรายได้ต่อเดือนในช่วง 3 เดือนรวมกันเป็น 500,000 บาท ฉะนั้นเงินที่ใช้สำหรับการจัดงานแต่งงานก็ควรที่จะไม่เกิน 500,000 บาทนั่นเอง
  • จากเงินช่วยเหลือจากครอบครัว หากบ่าวสาวคนไหนที่ได้รับเงินที่ช่วยเหลือจากครอบครัวหรือมีฐานะอยู่แล้ว ก็สามารถนำเงินในส่วนนี้มารวมกับเงินเก็บของตัวเองได้ แล้วค่อยคำนวณงบประมาณงานแต่ง โดยปรึกษากับทางผู้ใหญ่ เพื่อตกลงเรื่องงบประมาณกันก็ทำได้เช่นเดียวกัน
wedding cost checklist


งานแต่งขนาดใดที่เหมาะกับคุณ

แล้วงานแต่งขนาดไหนที่เหมาะกับเรา? โดยทั่วไปจะอิงจากจำนวนแขกที่เชิญมา และคิดจากตามกำลังทรัพย์ที่คู่บ่าวสาวมี หากงานแต่งงานที่บ่าวสาวต้องการ ต้องเชิญแขกจำนวนมาก รวมถึงมีแขกที่เป็นคนใหญ่โตมาร่วมงานเพื่อเป็นเกียรติแก่งาน ต้องการสถานที่จัดงานที่มีขนาดเหมาะสมรองรับคนจำนวนมากได้ การตกแต่งและจัดเลี้ยงที่ครบครัน ถ้างานแต่งงานในฝันของคุณเป็นตามที่กล่าวไปข้างต้น … คุณเหมาะกับงานแต่งงานขนาดใหญ่

Wedding Bridals


คำแนะนำสำหรับงานแต่งงานขนาดใหญ่

  1. ชุดแต่งงาน – ด้วยความที่งานแต่งขนาดใหญ่ค่อนข้างเป็นงานระดับทางการ มีแขกผู้ใหญ่มาเข้าร่วมงานอย่างสมเกียรติ บ่าวสาวจึงควรเลือกชุดแต่งงานที่ให้ลุคเป็นทางการ ดูหรูหรา อย่างชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ ballgown โดยอาจสั่งตัดชุดใหม่ที่เป็นชุดแต่งงานจากห้องเสื้อหรือออกแบบจากฝีมือดีไซน์เนอร์ยอดฝีมือ ซึ่งราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่หลักหมื่นบาทไปจนถึงหลายแสน ขึ้นอยู่กับดีเทลความพิถีพิถัน เนื้อผ้า และความดังของดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบนั้น ๆ
  2. ชุดเพื่อนบ่าวสาว – สำหรับชุดเพื่อนเจ้าสาวเจ้าบ่าว ส่วนใหญ่จะนิยมกำหนดธีมและตัดชุดเพื่อนบ่าวสาวให้มีสีหรือสไตล์ที่ออกมาจะได้ไปในทิศทางเดียวกัน แนะนำให้เลือกผ้าที่ดูดี มีคุณภาพ โดยค่าใช้จ่ายสำหรับค่าผ้ามักจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับจำนวนเพื่อนบ่าวสาวที่เข้าร่วมงาน
  3. รูปถ่ายพรีเวดดิ้ง — งานแต่งงานสเกลใหญ่มักจะใช้รูปถ่ายพรีเวดดิ้งมาจัดวางไว้อย่างโดดเด่นภายในงาน โดยบ่าวสาวอาจเลือกคิวช่างภาพ portrait มีชื่อเสียง จองสตูดิโอสวย ๆ หรือจองตั๋วเครื่องบินไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่ต่างประเทศก็ย่อมได้ โดยค่าช่างภาพอาจจะอยู่หลักหมื่นหรือเกิน 100,000 บาทก็ได้ ขึ้นอยู่กับระยะทาง และค่าเช่าสถานที่นั้น ๆ 
  4. สถานที่จัดงาน หรูหรา – บ่าวสาวที่สามารถจัดงานแต่งขนาดใหญ่ มักมีงบประมาณค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว จึงสามารถเลือกโรงแรมหรือสถานที่จัดงานระดับพรีเมี่ยมตามที่ต้องการได้เลย โดยหากเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวต่าง ๆ ค่าเช่าสถานที่อาจมีราคามากกว่า 200,000 บาทเป็นต้นไป 
  5. การ์ดแต่งงานที่มีลูกเล่น – สามารถเลือกใช้การ์ดแต่งงานที่ออกแบบพิเศษสำหรับคู่แต่งงานมากที่สุด จะปั๊มนูน เติมฟอย ใส่ทอง แต่งลูกไม้ ฯลฯ ก็สามารถทำได้เลย โดยค่าการ์ดมักมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 40 บาทเป็นต้นไป 
  6. ของชำร่วยดูดีมีราคา – หากในงานมีแขกผู้ใหญ่จำนวนมาก แนะนำให้เลือกของที่ดูมีราคาหรือเป็นของที่ระลึกที่ทำขึ้นมาเพื่องานนี้เท่านั้น ราคาต่อชิ้นมักมีตั้งแต่ 80-90 บาทขึ้นไป
  7. อาหารเลี้ยงแขก – ส่วนใหญ่มักจะให้โรงแรมที่ใช้จัดงานเป็นผู้จัดอาหารมาให้ ถ้าหากเป็นงานค็อกเทล ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นจะอยู่ที่หัวละ 1,000 บาทไปจนถึง 2,500 บาท แต่ถ้าเป็นโต๊ะ จะอยู่ที่โต๊ะละ 10,000 บาทเป็นต้นไป

หากบ่าวสาวคู่ไหนต้องการจำกัดจำนวนแขกร่วมงานให้มีจำนวนที่น้อยลง แต่ยังครอบคลุมถึงแขกที่เป็นเพื่อนของเราและแขกของญาติผู้ใหญ่  โดยอาจเชิญแขกเข้าร่วมงานได้มากขึ้นถึงประมาณ 50-150 คน ทำให้ขนาดไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ถ้างานแต่งงานในฝันของคุณเป็นเหมือนที่กล่าวไปข้างต้น … คุณเหมาะกับงานแต่งงานขนาดกลาง

คำแนะนำสำหรับงานแต่งงานขนาดกลาง

  1. ชุดแต่งงานบ่าวสาว – หากบ่าวสาวท่านไหนที่อยากมีชุดแต่งงานเก็บไว้เป็นของตัวเอง ก็อาจตัดสินใจเลือกตัดชุดตามสไตล์ที่ตัวเองต้องการได้เลย โดยชุดเจ้าสาวมักจะมีรายละเอียดมากกว่าอย่างการเลือกสีชุดเจ้าสาวและราคาแพงกว่าชุดเจ้าบ่าว โดยเฉลี่ยค่าใช้จ่ายงานแต่งงานส่วนนี้ ชุดบ่าวสาวจะเริ่มต้นที่ 10,000 บาทต่อชุด สำหรับ 2 คนรวมกันก็จะเริ่มต้นที่ 20,000 บาทเป็นต้นไป
  1. ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว – ในส่วนของชุดเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ถ้าหากต้องการตัดชุดให้กับเพื่อนด้วย ราคาจะตกอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาทต่อคน ซึ่งในค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับมีจำนวนเพื่อน ๆ กี่คน 
  1. จอง Package จัดงานแต่งงานสุดคุ้ม – หากบ่าวสาวที่ไม่มีเวลาจัดงานแต่งงานด้วยตัวเอง ต้องการคนช่วยจัดหาทุกสิ่งทุกอย่างแบบครบจบในที่เดียว ทุกวันนี้ก็มี Package จัดงานแต่งงานที่รวมบริการทั้งค่าแพคเกจเช่าชุดแต่งงาน ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งที่มีให้เลือกหลากหลายจากสตูดิโอแต่งงานทั่วไปมาให้บ่าวสาวได้เลือกซื้อเช่นเดียวกัน โดยแพ็คเกจเหล่านี้มักจะครอบคลุมไปถึงการถ่ายรูปที่สตูดิโอและนอกสถานที่ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 8,000 เป็นต้นไป 
  1. เลือกสถานที่จัดงานที่รองรับจำนวนแขกตามต้องการ – โดยส่วนใหญ่แล้วงานแต่งงานขนาดกลางมักจะเชิญแขกเข้าร่วมงานได้มากขึ้นถึงประมาณ 50-150 คนขึ้นไป จึงเหมาะกับการเลือกสถานที่จัดงานอย่างโรงแรมที่มีห้องรองรับแขกขนาดใหญ่หรือเป็นห้องแบบ ballroom โดยแต่ละโรงแรมก็จะมีแพ็คเกจจัดงานแต่งงานที่แตกต่างกันไป โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาทไปจนถึง 200,000 บาท แต่หากบ่าวสาวต้องการตกแต่งอะไรเพิ่มเติม ก็อย่าลืมเผื่องบไว้สำหรับจัดเตรียมตกแต่งงานต่าง ๆ ให้ด้วย เช่น ซุ้มกั้นประตูเงินประตูทอง การประดับดอกไม้ การตั้งฉากถ่ายรูป การจัดโต๊ะต้อนรับสำหรับเขียนอวยพรหรือให้ของชำร่วยต่าง ๆ โดยนอกจากโรงแรมแล้ว อีกสถานที่จัดงานยอดฮิต ซึ่งได้รับความเป็นนิยมอย่างมาก เพราะมีราคาไม่แพงมากนักคือ หอประชุมกองทัพหรือสมาคมมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยค่าใช้จ่ายในการจัดสถานที่แบบนี้ จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป
  1. การ์ดแต่งงาน – สำหรับงานแต่งงานขนาดกลางที่บ่าวสาวมีงบประมาณในการจัดงานมากขึ้นก็สามารถซื้อได้ทั้งการ์ดและซองที่อาจจะมีงานพิมพ์ซับซ้อนขึ้น โดยจะมีราคาตกอยู่ที่ประมาณ 15-20 บาท ซึ่งสามารถสั่งออกแบบหรือเลือกลวดลายตามแบบที่มีมาให้อยู่แล้วตามโรงพิมพ์ต่าง ๆ ได้เลย

หากบ่าวสาวคู่ไหนที่ไม่ต้องการจัดงานใหญ่โต แค่ต้องการจัดงานขนาดพอตัวไว้สังสรรค์กับครอบครัวและเพื่อนสนิทจริง งานแต่งงานไซส์มินิที่มีแขกเข้าร่วมงานไม่เกิน 10-50 คน ก็ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แถมยังช่วยเซฟเงินเก็บไว้ไปเที่ยวทริปฮันนีมูนหรือเป็นเงินก้นถุงสำหรับเริ่มต้นชีวิตคู่ได้อีก ถ้างานแต่งในฝันของคุณเป็นเหมือนที่กล่าวไปข้างต้น… คุณเหมาะกับงานแต่งงานไซส์มินิ 

คำแนะนำสำหรับงานแต่งงานไซส์มินิ 

  1. ใช้วิธีแบบเช่าชุดมากกว่าที่จะซื้อชุดตัดใหม่ – หากคุณตัดสินใจที่จะจัดงานแต่งงานไซส์มินิ และไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่อยากจะมีชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นของตัวเองเก็บไว้ เราขอแนะนำให้ใช้วิธีเช่าชุดมากกว่าที่จะซื้อชุดตัดใหม่ที่ใส่ได้เพียงครั้งเดียว ซึ่งโดยทั่วไปค่าใช้จ่ายในการเช่าชุดก็จะอยู่ที่ประมาณ 2,000-5,000 บาท ซึ่งถูกกว่าการสั่งเช่าตัดชุดแต่งงานหรือสั่งตัดใหม่ราว 2-3 เท่าเลยทีเดียว และหากคุณวางแผนที่จะจัดงานแต่งให้มีทั้งพิธีหมั้นและงานแต่ง หรือมีงานแต่ง 2 รอบด้วยกัน เช่น งานไทยกับงานจีน งานเช้าหรืองานเย็น ก็อย่าลืมเผื่องบประมาณในการเช่าชุดในส่วนนี้ไว้ 2 ครั้ง 
  1. แต่งหน้าทำผมเอง – นอกจากนี้ยังมีการค่าใช้จ่ายในการเติมลุคให้ดูสวยหล่อโดดเด่นอีก สำหรับใครที่อยากได้หน้าผมเป๊ะปัง จะตัดสินใจจ้างช่างแต่งหน้าทำผมตามงบที่มีก็ไม่เสียหาย แต่หากอยากประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ โดยปกติแล้วหากเป็นเจ้าสาว ราคาช่างหน้าช่างผมมักจะเริ่มต้นที่ 4,500 บาท ส่วนเจ้าบ่าวที่ไม่ต้องแต่งหน้าอะไรมากนัก ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,500 บาท ซึ่งหากคุณมีฝีมือ อยู่แล้ว หรือมีเพื่อนมีคนใกล้ชิดที่สามารถช่วยแต่งหน้าทำผมได้ ก็จะช่วยประหยัดงบส่วนนี้ไปได้อีก 
  1. กำหนดธีมชุดให้เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว – หากคุณเป็นบ่าวสาวที่อยากเห็นเพื่อน ๆ ใส่ชุดตามธีมงานของคุณเอง อาจจะกำหนดแค่ธีมงานให้เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปหาชุดที่มีสีหรือสไตล์ตรงกับที่เราต้องการ แต่ให้ซื้อผ้ามาแจกจ่ายไปให้เพื่อน ๆ เอาไปตัดชุดกันเอง ซึ่งราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณหลาละ 200 บาท
  1. จัดงานแต่งในพื้นที่ส่วนตัว – สำหรับค่าสถานที่ในการจัดแต่งงาน เดี๋ยวนี้บ่าวสาวหลาย ๆ คู่มักนิยมจัดงานแต่งในพื้นที่ส่วนตัวแบบเป็นกันเอง เช่นบ้าน ร้านอาหาร ในสวนหรือริมทะเล ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการเช่าสถานที่อย่างโรงแรม แต่หากบ่าวสาวท่านไหนที่ต้องการเช่าโรงแรม โดยส่วนใหญ่ก็จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 120,000 บาทเป็นต้นไป 
  1. ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งราคาเบา ๆ –  สำหรับบ่าวสาวงานแต่งไซส์เล็กที่อยากมีภาพถ่ายพรีเวดดิ้งแห่งความทรงจำ อาจจะใช้วิธีการไปถ่ายรูปที่บ้านหรือไปถ่ายในสถานที่ที่อนุญาตให้ถ่ายได้ฟรี ๆ เช่น สวนสาธารณะ หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็จะช่วยประหยัดงบในการเช่าสถานที่ถ่ายภาพ โดยค่าจ้างช่างภาพ ราคามักเริ่มต้นตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป ซึ่งในส่วนนี้หากบ่าวสาวท่านไหนที่มีเพื่อน หรือคนใกล้ชิดที่สามารถถ่ายรูปให้ได้และยินดีมาช่วย รวมถึงสามารถจัดการในส่วนของเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองได้ ก็ยิ่งดี เพราะจะช่วยประหยัดงบในส่วนนี้ได้
  1. การ์ดแต่งงานเรียบง่าย – หากเป็นการ์ดแต่งงานที่ไม่ได้มีการออกแบบสลับซับซ้อน ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 10 บาทต่อใบเท่านั้น โดยสามารถสั่งพิมพ์ได้ตามร้านหรือโรงพิมพ์ต่าง ๆ ได้เลย 
  1. ของชำร่วย – ธรรมเนียมการให้ของชำร่วยงานแต่งนับเป็นการแสดงคำขอบคุณ โดยปกติบ่าวสาวก็มักจะเลือกของชำร่วยงานแต่งที่มีความหมายเป็นสิริมงคล เช่น เครื่องหอม สมุดบันทึก ขนมหวาน โดยสามารถเลือกได้จากแหล่งขายส่งต่าง ๆ ราคาตกอยู่ที่ชิ้นละ 15 บาทขึ้นไปเท่านั้นเอง 
  1. อาหารเลี้ยงแขก – ในส่วนของอาหารภายในงานแต่งไซส์มินิ อาจจะแค่จ้างให้แม่ครัวมาทำอาหารให้ หรือถ้าหากมีญาติ ๆ ยินดีมาช่วยกันทำอาหาร ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ไปได้อีก แต่ทั้งนี้ค่าอาหารเลี้ยงแขกก็ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบต่าง ๆ รวมถึงจำนวนแขกที่มาร่วมงานด้วย

เมื่อรู้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของงานแต่งแล้ว เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบ่าวสาวแต่ละคู่จะมีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ รู้ค่าใช้จ่ายงานแต่งงานของตัวเองกันไว้เหมาะสม และสามารถวางแผนจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ตรงใจกับตัวเองมากที่สุดได้ เพราะการวางแผนค่าใช้จ่ายก็ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้ขั้นตอนไหน ๆ เลย